เที่ยวโดโลไมท์ : วันสบายๆที่ซิเซดา (Seceda)
อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ของอิตาลีเหนือเป็นที่เลื่องลือมานานมากแล้วถึงความสวยงาม และมีภูเขาที่แปลกตาน่าทึ่ง สมกับที่ได้เป็นมรดกโลก (Dolomite UNESCO) และหนึ่งในนั้นมีภูเขาซิเชดา (Seceda) ที่ใครๆ ที่ไป เที่ยวโดโลไมท์ จะไม่ยอมพลาดโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก สามารถไปเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน จนกระทั่งปลายเดือนตุลาคม แต่บางปีอากาศหนาวเร็วหิมะตกเร็ว ก็ต้องเช็คสภาพอากาศกันสักหน่อย เพราะถ้าหิมะตกเร็วมากก็จะมีปัญหาเรื่องเคเบิลคาร์ที่ขึ้นชมวิวด้านบนภูเขาได้ ในเรื่องเราความงามเส้นทางท่องเที่ยวโดโลไมท์นี้ขอเล่าถึงบรรยากาศของภูเขาซิเชดาในช่วงสปริง เพราะว่าหลายๆ คนชอบเที่ยวดอกไม้ ใบเขียว
ภูเขาซิเชดาตั้งอยู่ในกลุ่มภูเขา Odle หรือ Geisler ทางตอนเหนือของอิตาลี มีความสูง 2,518 เมตร การขึ้นเขาชมวิวด้านบนสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปได้โดยง่าย โดยไปขึ้นที่ Funivie SECEDA กระเช้ามีสองช่วง โดยลงจากกระเช้าที่แรกระหว่างทาง จากนั้นจะมีให้ต่อกระเช่าช่วงที่สอง ซึ่งตั๋วที่ซื้อก็จะรวมทั้งสองช่วงนี้แล้ว ขึ้นกับว่าเราจะซื้อแบบไป-กลับ หรือซื้อแบบขาเดียว ซึ่งในทริปนี้เราเลือกซื้อแบบขาขึ้นอย่างเดียว
เมื่อขึ้นไปถึงกลางระหว่างทาง เราก็เปลี่ยนกระเช้าเป็นช่วงที่สองซึ่งจะเป็นกระเช้าใหญ่สีเหลืองทองสวยงาม สามารถจุคนได้ประมาณ 10-15 คนเลยทีเดียว ด้านบนจะเป็นร้านอาหารที่เราสามารถแวะเข้าห้องน้ำ และเลือกซื้ออาหารทานได้ด้วย ขณะเดินทางไปบนเขา หรือจุดที่หาห้องน้ำยากๆ ก็สามารถเข้าห้องน้ำของร้านอาหารต่างๆ ได้นะคะ แต่ว่าอย่าลืมเตรียมเหรียญสำหรับหยอดเพื่อใช้บริการด้วย อันนี้จำเป็นมากเลยค่ะ ถ้าไม่เตรียมไว้ก็จะยุ่งยากมาก เพราะถ้าจะแลกบางครั้งที่ร้านอาหารเค้าก็ไม่มีให้แลกค่ะ เนื่องจากมีคนใช้บริการกันอยู่ตลอด
Tip เที่ยวโดโลไมท์ : เตรียมเหรียญ 1 ยูโร ไว้สำหรับเข้าห้องน้ำในที่ต่างๆ ให้เพียงพอ
เมื่อเราออกมาจากบริเวณกระเช้า ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับวิวของภูเขาซิเชด้าแทบต้องอ้าปากค้าง เพราะวิวสวยมากๆ ยืนอึ้งไปพักใหญ่ ภาพทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่มีมวลดอกไม้สีเหลือง สีขาว แซมอยู่ตลอดแนวผืนหญ้า มองเห็นยอดซิเชดา ลาดเอียงรูปทรงฟันปลาแปลกๆ อยู่เบื้องหลัง ในขณะเดียวกันก็มีเมฆหมอกจับตัวกันค่อยๆ เคลื่อนตัวลงต่ำ เผยให้เห็นท้องฟ้าสีเข้มชัดเจนถนัดตาขึ้นอย่างจงใจ เหมือนจะต้อนรับเราโดยเฉพาะเลยทีเดียว
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100_021-225x300.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์
เมฆหนาที่ลอยปิดบังยอดซิเชดาในตอนแรก ค่อยๆ ลอยผ่านพ้นไปเผยให้เห็นความงามน่าตื่นตา นี่คือเสน่ห์อันโด่งดังของซิเชดา ที่ใครๆ ก็กล่าวขานถึง
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100_025-300x169.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์
จุดชมวิวของชิเชดานี้นอกจากตัวภูเขาที่สวยงามเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ก็ยังมีจุดชมวิวให้เราได้นั่งพักผ่อน และถ่ายรูปกับป้ายแสดงยอดเขาต่างๆ ที่สร้างแบบเก๋ๆ ในบริเวณเดียวกันอีกด้วย
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100_024-300x169.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์ : นั่งดื่มด่ำชมวิวที่ซิเชดา
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100_022-300x169.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์ : กระเช้าขึ้น-ลง ที่จุดซิเชดาวิวพอยท์ จะเป็นกระเช้าใหญ่ และต้องไปต่อกระเช้าที่สองในช่วงกลางภูเขา ณ จุดนี้จะไม่มีที่ขายตั๋ว หากไม่ได้ซื้อตั๋วสำหรับขาลง นักท่องเที่ยวต้องไปซื้อตั๋วตอนกระเช้าช่วงที่สองแทน
เราดื่มด่ำชมวิวมุมต่างๆ ของยอดเขาซิเชดาแล้วจึงเริ่มเดินไปยัง Chairlift ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อนั่งแชร์ลิฟท์ลงไปยังสถานี Fermeda Chairlift ที่อยู่เบื้องล่าง ที่ต้องใช้ระยะเวลานั่งห้อยขาลงไปประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงเดินจากจุดสถานีแชร์ลิฟท์ไปยังทิศที่สูงกว่า เดินเทรลขึ้นไปประมาณ 20 นาที เพื่อเข้าเช็คอินที่พักที่ชื่อว่า Fermeda Hutt เป็นที่พักพร้อมร้านอาหารที่มีลานชมวิวกว้างขวาง ตั้งอยู่เกือบใจกลางขุนเขา
Tip เที่ยวโดโลไมท์ : Fermeda Chairlift เปิดให้บริการประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกันยายนของทุกปี โดยจะต้องเช็คกับเวปไซด์ให้ชัดเจนอีกครั้งในแต่ละปีว่าเป็นวันที่อะไร
เปิดให้บริการ 09.30-16.30 น.
ใครที่ต้องการเที่ยวเดือนอื่นๆ เช่น ปลายกันยายน หรือ ตุลาคม จะต้องเช็คการปิดให้บริการล่วงหน้าด้วยนะคะ
เมื่อเช็คอินที่พักเรียบร้อยแล้วจึงออกไปเดินเส้นทางเทรลต่อ เป้าหมายของเราคือ Balcone Panoramico UNESCO Mastle Santa Cristina อันเป็นจุดหมายปลายทางเล็กๆ พอที่เราจะเดินไหว ซึ่งจากที่พักไปยังจุดนี้ก็ใช้เวลาเดินแบบไทยๆ เดินไปถ่ายรูปไป ก็ประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาดื่มด่ำบนภูเขาซิเชดาได้อย่างเต็มที่ไม่มีตกหล่น
ลักษณะเส้นทางเป็นถนนหินกรวดที่ผ่านการประทับรอยเท้ามาแล้วอย่างโชกโชน เดินทางราบและต่อด้วยทางขึ้นเขาเรียบๆ แบบไม่ยากลำบากอะไร แต่จะมีเหนื่อยหอบบ้างเพราะเป็นทางเนินเขาอยู่ตลอดช่วง
ในที่สุดเราก็เห็นป้ายรูปทางเกือกม้าบนความสูง 2,200 เมตร ที่แสดงป้ายบอกยอดเขาต่างๆ อีกจุดหนึ่ง ที่สามารถมองวิวสวยๆ ของกลุ่มภูเขาโดโลไมท์ได้อย่างกว้างไกลสุดตา เป็นจุดที่ให้เราได้พิชิตสำหรับวันนี้
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100-016-169x300.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์
Balcone Panoramico UNESCO Mastle Santa Cristina
![เที่ยวโดโลไมท์](https://www.beejourneylife.com/wp-content/uploads/2023/12/Dolomite_Julx1100_026-1024x576.jpg)
เที่ยวโดโลไมท์
วิวที่ได้จากการนั่งแชร์ลิฟท์ลงไปยัง Fermeda Chairlift Station เพื่อไปยังที่พักของเราที่ตั้งอยู่กลางภูเขา
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับทางเดิมเข้าสู่ที่พักของเรา สมาชิกเราบางคนเดินทางไปยังเส้นทางเทรลอื่นๆ เพราะยังมีพลังอยู่ อีกทั้งต้องการถ่ายรูปมุมต่างๆ ที่มีความงามซ่อนอยู่มากมาย ถ่ายรูปเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ
ค่ำคืนนี้เรานอนนับดาวกันที่กระท่อมกลางหุบเขา เป็นความดื่มด่ำ เงียบสงบ และสวยงามที่สุด ที่พักเป็นอาคารไม้ที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนัก แต่สะอาดสะอ้าน อบอุ่น ที่สำคัญตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาที่โอบล้อมด้วยหมู่ดาวในแบบที่เราไม่ได้หาได้ง่ายๆ ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง การขึ้นเขาซิเชดามานอนนับดาวในครั้งนี้จึงพิเศษกว่าทริปไหนๆ เที่ยวโดโลไมท์ อิตาลีเหนือในครั้งนี้จึงมีความหมายเป็นพิเศษ การซื้อทริปรถตู้พร้อมคนขับทำให้เราสบายใจที่จะฝากสัมภาระไว้ในรถตู้ โดยมีคนขับรถคอยดูแล มีเพียงเป้เล็กๆ กับไม้เท้าเดินเขาคู่ใจที่หิ้วขึ้นมานอนนับดาวบนนี้
วันต่อมาเราเปลี่ยนแผนจากลงกระเช้าฝั่ง Seceda ที่เรามาในตอนแรก เปลี่ยนเป็นนั่งกระเช้าขาลงในอีกฝั่ง เพราะต้องการเดินเทรลต่ออีกหน่อยในวันถัดไป และเป็นการเดินชมวิวแบบไม่ซ้ำทาง จึงโทรศัพท์แจ้งคนขับรถที่ดูแลเราให้ไปรับอีกสถานีกระเช้า นับว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายมาก (แต่จะไม่ค่อยสบายก็ตรงเดินขึ้นเขานี่แหละ)
เมื่อลงกระเช้าที่สถานี Col Raiser ก็พบว่าคนขับรถมายืนรอรับเราถึงหน้าสถานีกระเช้าเรียบร้อยแล้ว… เย้!! เตรียมเดินทางต่อไปยัง Tre Cime ยอดเขาสามแท่งอันโด่งดังของการ เที่ยวโดโลไมท์ ที่ท้าทายความอึดถึกของพวกเรากำลังรออยู่