ทัวร์อียิปต์ : เมืองกีซาและมหาปิรามิดอันยิ่งใหญ่

ทัวร์อียิปต์

ทัวร์อียิปต์ : เมืองกีซาและมหาปิรามิดอันยิ่งใหญ่

เมืองกีซา (Giza)

กีซา (Giza) หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า “อัลญีซะฮ์” (Al-Jizah) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ และอยู่ติดกับกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศ จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแฝดหรือเป็นส่วนหนึ่งของมหานครไคโร  ความสำคัญในปัจจุบัน: กีซาเป็นเมืองหลวงของเขตผู้ว่าการกีซา มีประชากรหนาแน่นและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างยิ่งของอียิปต์  มี ที่ตั้งแห่งประวัติศาสตร์: แม้ว่าตัวเมืองในปัจจุบันจะมีความทันสมัย แต่ชื่อเสียงของกีซาทั่วโลกนั้นมาจาก ที่ราบสูงกีซา (Giza Plateau) ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่พีระมิดและโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอียิปต์โบราณ ทำให้กีซาเปรียบเสมือนประตูสู่ยุคฟาโรห์อันรุ่งเรือง

ทัวร์อียิปต์

ทัวร์อียิปต์ :  เมืองกีซาสามารถมองเห็นปิรามิดแห่งอียิปต์ได้อย่างชัดเจน หากท่านเลือกโรงแรมที่พักในมุมที่ใช่ และ มีดาดฟ้าบริการด้านบนก็สามารถถ่ายรูปวิวปิรามิดได้อย่างชัดเจน

มหาพีระมิดแห่งกีซา (The Great Pyramid of Giza)

มหาพีระมิดแห่งกีซา หรือที่รู้จักกันในชื่อ พีระมิดคูฟู (Pyramid of Khufu) หรือ พีระมิดคีออปส์ (Pyramid of Cheops) เป็นพีระมิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซา และได้รับการยอมรับให้เป็น หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติและการก่อสร้าง

สร้างขึ้นในรัชสมัยของ ฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์โบราณ คาดว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสุสานหลวงสำหรับเก็บรักษาพระบรมศพของฟาโรห์คูฟู พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติต่างๆ ตามความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายและการฟื้นคืนชีพ โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างยาวนานถึง 20 ปี และใช้แรงงานที่เป็นชาวอียิปต์ผู้ชำนาญงานหลายหมื่นคน (ไม่ใช่ทาสตามความเชื่อที่แพร่หลาย) ซึ่งจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำงานในช่วงที่ว่างเว้นจากการเกษตร

ตัวปิรามิดมีความสูง ประมาณ 147 เมตร (481 ฟุต) แต่ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 138 เมตร (455 ฟุต) เนื่องจากการสึกกร่อนตามกาลเวลาและการสูญเสียหินยอดพีระมิดไป  มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละด้านยาวประมาณ 230 เมตร (756 ฟุต) คาดว่ามีน้ำหนักรวมกว่า 6 ล้านตัน   โดยสร้างจากหินปูนและหินแกรนิตจำนวนมหาศาลกว่า 2.3 ล้านก้อน แต่ละก้อนมีน้ำหนักเฉลี่ย 2.5 ตัน บางก้อนในห้องเก็บพระศพหนักถึง 80 ตัน

ในอดีต พีระมิดถูกห่อหุ้มด้วยหินปูนขัดมันสีขาว (Casing Stones) ที่ทำให้พื้นผิวราบเรียบและสะท้อนแสงอาทิตย์จนส่องประกายงดงาม แต่หินเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้หลุดร่อนออกไปตามกาลเวลาและถูกนำไปใช้สร้างสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในไคโร

  • ความแม่นยำทางวิศวกรรม: การก่อสร้างมีความแม่นยำอย่างน่าทึ่ง ทิศทั้งสี่ของพีระมิดหันหน้าไปทางทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตกอย่างเกือบจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้ทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ก้าวหน้าอย่างยิ่งของชาวอียิปต์โบราณ

ทัวร์อียิปต์

ทัวร์อียิปต์ : ภาพจำลองปิรามิดแรกสร้างในกีซา จะถูกห่อหุ้มชั้นนอกสุดด้วยหินปูนสีขาวขัดมันวาว เมื่อมองไปยังปิรามิดจะมองเห็นเป็นสีขาวสะท้อนแสงเจิดจำรัส น่าตื่นตาตื่นใจกว่าที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

การที่ฟาโรห์คูฟูทรงเลือก “ที่ราบสูงกีซา” เป็นสถานที่ก่อสร้างมหาพีระมิดของพระองค์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการตัดสินใจที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี โดยพิจารณาจากบทเรียนในอดีตและข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเหนือกว่าสถานที่สร้างพีระมิดแห่งอื่นๆ ในยุคนั้นอย่างชัดเจน

เหตุผลสำคัญสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ข้อหลัก ดังนี้

1. รากฐานทางธรณีวิทยาที่มั่นคงแข็งแกร่ง

นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ที่ราบสูงกีซาตั้งอยู่บน ชั้นหินปูน (Limestone Bedrock) ที่แข็งแกร่งและมั่นคง สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของพีระมิดที่หนักกว่า 6 ล้านตันได้โดยไม่ทรุดตัว ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงที่ได้มาจากรัชสมัยของ ฟาโรห์สเนฟรู (พระบิดาของฟาโรห์คูฟู) ที่ประสบปัญหาในการสร้างพีระมิดที่ดาห์ชูร์ (Dahshur) และเมดุม (Meidum)

  • พีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) ที่ดาห์ชูร์: เกิดปัญหาฐานรากไม่มั่นคงและทรุดตัวระหว่างการก่อสร้าง ทำให้วิศวกรต้องเปลี่ยนองศาความชันของพีระมิดกลางคันเพื่อป้องกันการพังทลาย

  • พีระมิดที่เมดุม: พังทลายลงในที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะสร้างบนพื้นทรายและดินเหนียวที่ไม่มั่นคง

ดังนั้น ฟาโรห์คูฟูจึงต้องการสถานที่ที่มีฐานรากเป็นหินแข็ง ซึ่งกีซาตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

2. แหล่งหินปูนคุณภาพดีในบริเวณใกล้เคียง

ที่ราบสูงกีซาไม่ได้เป็นเพียงฐานรากที่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็น เหมืองหินปูนขนาดใหญ่ อีกด้วย หินปูนส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นโครงสร้างหลักของมหาพีระมิด (Core Blocks) ถูกตัดและสกัดมาจากบริเวณ quarries ที่อยู่ทางทิศใต้ของตัวพีระมิดนั่นเอง การมีแหล่งวัตถุดิบในพื้นที่ช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนในการขนส่งวัสดุก่อสร้างได้อย่างมหาศาล

3. การคมนาคมทางน้ำที่สะดวกสบาย

ในสมัยโบราณมี ลำน้ำสาขาของแม่น้ำไนล์ (ปัจจุบันเรียกว่า Khufu Branch) ไหลเข้ามาใกล้กับที่ราบสูงกีซามากกว่าในปัจจุบัน ทำให้เกิดท่าเรือโบราณขึ้นที่นั่น ลำน้ำสายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขนส่งวัสดุที่ไม่มีในพื้นที่ เช่น:

  • หินแกรนิตสีแดง: สำหรับสร้างห้องเก็บพระบรมศพและโลงศพหิน ถูกขนส่งทางเรือมาจากเมืองอัสวาน (Aswan) ที่อยู่ไกลออกไปทางใต้กว่า 800 กิโลเมตร

  • หินปูนขาวขัดมัน (Tura Limestone): สำหรับใช้หุ้มพื้นผิวด้านนอกของพีระมิดให้เป็นสีขาวสะท้อนแสงสวยงาม ถูกขนส่งมาจากเหมืองฝั่งตรงข้ามแม่น้ำไนล์ที่เมืองทูรา (Tura)

หากไม่มีลำน้ำสายนี้ การขนส่งหินขนาดมหึมาเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

4. ความสำคัญทางศาสนาและสัญลักษณ์

  • ฝั่งตะวันตกแห่งความตาย: ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์คือทิศของดวงอาทิตย์ตกและเป็นดินแดนแห่งความตาย จึงเหมาะสมที่จะใช้เป็นสุสานหลวง (Necropolis)

  • ใกล้เมืองหลวงเมมฟิส: กีซาตั้งอยู่ไม่ไกลจาก เมมฟิส (Memphis) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอียิปต์ในยุคราชอาณาจักรเก่า ทำให้ฟาโรห์และข้าราชบริพารสามารถควบคุมดูแลโครงการก่อสร้างขนาดมหึมานี้ได้อย่างใกล้ชิด

  • ทำเลที่โดดเด่น: ที่ราบสูงกีซาเป็นพื้นที่สูง ทำให้มหาพีระมิดที่สร้างขึ้นจะมีความโดดเด่น สง่างาม มองเห็นได้จากระยะไกล เป็นการประกาศถึงพระราชอำนาจและบารมีของฟาโรห์คูฟูได้อย่างยิ่งใหญ่

ด้วยการผสมผสานระหว่างรากฐานที่มั่นคง, แหล่งวัตถุดิบที่พร้อมใช้งาน, เส้นทางขนส่งที่สะดวก และความเหมาะสมเชิงสัญลักษณ์ ทำให้กีซาเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานที่สุดในยุคของฟาโรห์คูฟู

หมู่พีระมิดแห่งกีซา (Giza Pyramid Complex)

มหาพีระมิดแห่งคูฟูเป็นส่วนหนึ่งของหมู่พีระมิดและโบราณสถานที่ใหญ่กว่า ซึ่งประกอบด้วย

  1. พีระมิดคาเฟร (Pyramid of Khafre): พีระมิดของฟาโรห์คาเฟร โอรสของฟาโรห์คูฟู มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง และยังคงมีหินปูนขัดมันเดิมหลงเหลืออยู่ที่ส่วนยอด

  2. พีระมิดเมนคูเร (Pyramid of Menkaure): พีระมิดของฟาโรห์เมนคูเร หลานของฟาโรห์คูฟู มีขนาดเล็กที่สุดในสามพีระมิดหลัก

  3. มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx): รูปสลักหินปูนขนาดมหึมาที่มีลำตัวเป็นสิงโตและศีรษะเป็นมนุษย์ เชื่อกันว่าใบหน้าของสฟิงซ์คือพระพักตร์ของฟาโรห์คาเฟร สร้างขึ้นเพื่อเฝ้าพิทักษ์หมู่พีระมิดแห่งนี้

  4. พีระมิดราชินีและสุสานอื่นๆ: บริเวณโดยรอบยังมีพีระมิดขนาดเล็กอีก 3 แห่งสำหรับราชินี และสุสานของเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูงอีกเป็นจำนวนมาก

Scroll to Top